อ่านละคร สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ตอนที่ 5 วันที่ 27 ก.ย. 56

อ่านละคร สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ตอนที่ 5 วันที่ 27 ก.ย. 56

“เอาไว้ให้หรั่งทำงานไม่ไหวก่อน ก้อยค่อยช่วยก็แล้วกัน ตอนนี้อย่าเพิ่งกังวล กินข้าวดีกว่าอร่อยๆ ทั้งนั้น เลย ทำใจให้สดชื่นพรุ่งนี้จะได้ผ่าตาอีกข้างหนึ่งแล้วนะ” หรั่งว่าแล้วตักกับข้าวใส่จานให้ก้อย แต่ต้องชะงักเมื่อเธอ ถามว่ามีเงินพอจะผ่าอีกข้างแล้วหรือ ถ้ายังไม่มีขอหมอเลื่อนไปก่อนดีไหม

จังหวะนั้น นายสยามเดินเข้ามาต่อว่าหรั่งว่าหาตัว ยากมาก โทร.หามือแทบหงิกแต่ไม่ติด เขาไม่ได้เติมเงินมือถือนานแล้วก็เลยใช้งานไม่ได้ นายสยามกำชับว่า ทีหลังต้องคอยบอกเอาไว้ด้วยว่าวันหยุดอยู่ที่ไหนบ้าง เผื่อมีอะไรจะได้ตามตัวถูก แล้วยื่นซองใส่เงินปึกหนากว่าซองเก่าให้หรั่ง


“คุณเผ่าลาภฝากให้ฉันเอามาให้นาย ท่านถามฉันว่ารู้ไหมว่านายเอาเงินไปทำอะไร ฉันก็บอกท่านไปเท่าที่ฉันพอจะรู้ ท่านไม่ได้ถามฉันว่าเท่าไหร่ ท่านโทร.เช็กเองจากหมอประจำตัวของท่านแล้วก็ใส่ซองนั่นมา ท่านไม่ได้บอกว่านายต้องคืนท่านเมื่อไหร่ เหมือนจะให้เอามาใช้ฟรีๆ ยังไงก็ไม่รู้”

“คืนนี้ท่านไม่ได้ออกไปไหนใช่ไหม น้าหยาม” หรั่งมองซองเงินในมือด้วยความซาบซึ้งใจ...

ฝ่ายกันทิมากลุ้มใจมากที่วันหนึ่งๆ บารมีทำอยู่สองอย่างไม่เข้าบ่อนก็ดื่มเหล้า คืนนี้เขาเมาไม่ได้สตินอนขวางอยู่หน้าลิฟต์ของคอนโดฯที่พัก แถมอ้วกเลอะไปหมด รปภ.ของคอนโดฯต้องหามมาส่ง กันทิมาพยายามถอดเสื้อบารมีออก เพื่อจะเช็ดตัวให้แต่เขาดิ้นไปดิ้นมา พลันภาพ ในอดีตผุดขึ้นมาในความคิดของเธอ

ตอนนั้นเมื่อ 6 ปีที่แล้ว กันทิมาประคองร่างชาติชายซึ่งอยู่ในสภาพเมามายไม่ได้สติกลับหอพัก เขาพยายามจะเดินเข้าห้องเองแต่ไม่ไหว เธอต้องช่วยพยุงไปนอนที่โซฟา จากนั้นเขาก็หมดสติ บารมีเข้ามาบอกให้ทิ้งชาติชายวางไว้อย่างนั้น เดี๋ยวตนจะลากเขาเข้าห้องนอนเอง

เสียงเอ็ดตะโรของบารมีทำให้กันทิมาตื่นจากภวังค์ เขาตะโกนโหวกเหวกทั้งๆ ที่ยังหลับตาว่าอย่าไปบอกใครว่าเขาเมา เพราะเขาไม่มีวันเมา แล้วแน่นิ่งไปอีก กันทิมามองสามีอย่างระอาใจ...

หลังจากหรั่งกันเงินส่วนหนึ่งไว้สำหรับค่าผ่าตัดตาอีกข้างของก้อยแล้ว เงินส่วนที่เหลือเขาขี่มอเตอร์ไซค์ฝ่าความมืดและสายฝนที่ตกกระหน่ำเอาไปคืนเผ่าลาภถึงบ้าน บอกว่าเงินที่ท่านให้มากเกินไปเขารับไว้ไม่ได้

“ขอบพระคุณอีกครั้งสำหรับความเมตตา ผมมี สตางค์เมื่อไหร่จะรีบใช้คืนท่านทันทีครับ สวัสดีครับ”...

ขณะที่เผ่าลาภยืนอึ้งกับการกระทำของหรั่ง ให้ บังเอิญเหลือเกินที่ตะวันฉายมาเที่ยวผับแห่งเดียวกับที่กัมปนาท ธนูและรสสุคนธ์ ด้วยความเป็นคนหน้าตาดีทำให้สาวใจแตกพากันอ่อยเหยื่ออย่างไม่มียางอายเอาเบอร์มือถือยัดใส่กระเป๋าของตะวันฉายหน้าตาเฉย แต่เขาไม่สนใจ หันไปบอกกับคนที่พามาเที่ยวว่าผู้หญิงแบบนี้เขาเจอบ่อย ขอเร้าใจแบบมีคลาสมีไหม

“งั้นต้องผ่านเอเย่นต์ครับ...โน่นแน่ะ เจ๊ขาใหญ่ กำลังแดนซ์กระจายอยู่โน้น” คนพาเที่ยวชี้ไปที่รสสุคนธ์ซึ่งกำลังเต้นรำอย่างเมามันอยู่กับกัมปนาทบนฟลอร์...

พอเมาได้ที่ รสสุคนธ์โดดขึ้นเวทีคว้าไมโครโฟนประกาศเชิญชวนกัมปนาทขึ้นมาร้องคาราโอเกะ เขาร้องได้ไม่กี่ประโยคก็ถูกหนุ่มใหญ่ขี้เมาคนหนึ่งตะโกนด่าหยาบๆ คายๆ หาว่าเขาเป็นตุ๊ด แล้วพุ่งขึ้นไปกระชากไมโครโฟนจากมือ จับหัวกดกัมปนาทมาใกล้ๆ บริเวณเป้ากางเกงของตัวเอง ธนูทนดูไม่ไหวเข้าไปลากหนุ่มขี้เมาปากปีจอออกมา กลับถูกเขาคว้าขวดเบียร์แถวนั้นฟาดหัวถึงกับทรุด ก่อนจะถีบซ้ำจนตกเวที

บรรดานักเที่ยวแตกฮือ หนุ่มขี้เมาไม่หนำใจตาม เข้าไปจะกระทืบธนูซ้ำ พรรคพวกของหนุ่มขี้เมาอีกสองคนตามมาร่วมวงด้วย ขณะที่ตะวันฉายยืนดูเหตุการณ์ด้วยความมันส์ รสสุคนธ์คว้าของใกล้มือฟาดหัวหนุ่มขี้เมาหนึ่งที แต่ไม่สะเทือนกลับถูกเขาหันมาตบฉาดใหญ่ ตะวันฉายสบช่องชักปืนยิงขึ้นเพดาน 3 นัดซ้อน ทุกคนในผับวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น ส่วนกัมปนาทปรี่เข้าไปประคองร่างเลือดโชกของธนูไว้ หนุ่มขี้เมายังไม่ยอมรามือลากรสสุคนธ์จะออกไปยำต่อนอกผับ ตะวันฉายขวางไว้ พร้อมกับยกปืนจ่อหน้า

“ในนี้เหลืออีก 4 นัด มึงจะเหมาหมดไหม”

หนุ่มขี้เมาหายเมาเป็นปลิดทิ้ง ส่ายหน้าดิก ก่อนจะเหวี่ยงรสสุคนธ์ลงพื้น แล้ววิ่งหนีแต่ไม่พ้นถูกชายฉกรรจ์สองคนรวบตัวไว้ รุมยำจนเละ รสสุคนธ์ขอบใจตะวันฉายมาก ขอเลี้ยงเครื่องดื่มเป็นการตอบแทน

“ไม่เป็นไรครับ เรื่องเล็ก ผมกำลังหาลู่ทางทำธุรกิจแถวนี้อยู่ ผมชื่อตะวันฉายครับ”

“พี่ชื่อรสสุคนธ์ พี่ถนัดธุรกิจทุกประเภทจ้ะ” ทั้งสองคนต่างยิ้มให้กัน...

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้กัมปนาทรู้สึกดีกับธนูเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ เพราะชายหนุ่มช่วยปกป้องศักดิ์ศรีให้ จากนี้ไปขอให้ธนูเรียกเขาว่า “ฮิวอี้” และคืนนี้ธนูต้องนอนห้องเดียวกับเขาเพื่อที่เขาจะได้คอยทำแผลและเช็ดเลือดให้ จากนั้นกัมปนาทค่อยๆปลดกระดุมเสื้อที่เปื้อนเลือดของธนูออก ทั้งสองสบตาอย่างรู้กัน

ooooooo

การผ่าตัดตาอีกข้างหนึ่งของก้อยผ่านไปด้วยดี ไม่มีการติดเชื้อไม่มีโรคแทรกซ้อน แต่อย่างที่อาจารย์หมอเคยบอกหรั่งไว้ ประสาทตาของก้อยที่เสียไปแล้ว ไม่สามารถเยียวยารักษาได้ การผ่าตัดแค่ช่วยไม่ให้ทรุดไปกว่านี้ ถึงอย่างไรเธอก็จะอยู่ในสภาพที่มองไม่เห็นเช่นเดิม คำพูดของอาจารย์หมอยังคงก้องอยู่ในหูหรั่ง

“สิ่งสำคัญที่คุณจะต้องดูแลก้อยต่อไปก็คือสภาพจิตใจ หมอเชื่อว่าถ้าไม่ท้อเสียอย่าง ก้อยจะต้องดำรงชีวิตอยู่ในสังคมนี้ต่อไปได้แน่ พยายามอย่าให้เธอรู้สึกว่าตัวเธอเป็นคนพิการ”...

แม้หรั่งจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าก้อยไม่มีทางมองเห็น แต่พอถึงตอนเปิดผ้าปิดตา เขายังทำเหมือนมีความหวังเตรียมช่อดอกไม้ไว้ให้ และคอยกุมมือเธอไว้ตลอด เท่ห์ โบ้และเช็งต่างยืนห้อมล้อมคอยเป็นกำลังใจให้ หมอ ค่อยๆเปิดผ้าปิดตาออก ก้อยลืมตาขึ้นช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้ม ทำให้ทุกคนพลอยยิ้มไปด้วย แต่แล้วรอยยิ้มนั้นกลับหุบลง มีน้ำตาเพียงหยดเดียวไหลออกมาจากสองตาที่บอดสนิทของเธอ...

งานเลี้ยงต้อนรับก้อยกลับบ้านยังคงจัดขึ้นที่บ้านเช่าของหรั่ง ทั้งผู้ใหญ่เงาะ น้าเบิ้มกับสามเพื่อนซี้รวมทั้งหรั่งด้วย ต่างส่งเสียงเฮฮาร่าเริงทำตัวปกติ แต่สายตาของทุกคนมองก้อยด้วยความเป็นห่วง เห็นเธอนั่งนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ต่างโล่งใจ แต่อยู่ๆ ก้อยยื่นมือควานหาอะไรบางอย่างไปทั่ว โบ้เดาใจเธอออกร้องบอกลั่น

“ดอกไม้...ดอกไม้แน่ๆ ใครมีดอกไม้บ้าง ก้อยอยากร้อยดอกไม้”

“เพิ่งกลับจากโรงพยาบาล นั่งๆ นอนๆ ให้สบายใจก่อนไม่ดีกว่าหรือ ก้อยเอ๊ย” น้าเบิ้มทักท้วง

“มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ก้อยรู้สึกเหมือนกับว่าตาก้อยมองเห็น” คำพูดของก้อยทำให้ทุกคนอึ้ง นิ่งกันไปหมด ยิ่งเงียบเธอยิ่งเครียด ในที่สุดก็ปล่อยโฮอย่างหมดความอดกลั้น หรั่งโอบไหล่เธอไว้พลางกระซิบข้างหู

“ไปทะเลกันนะก้อย หรั่งจะพาก้อยไปเที่ยวทะเล ฉลองที่หมอเปิดตาให้ก้อย เราจะไปดูพระอาทิตย์ตกน้ำ ด้วยกัน ก้อยจะได้เห็นกับตาตัวเองว่ามันสวยงามแค่ไหน” หรั่งพูดราวกับว่าก้อยสายตาเป็นปกติ “ก้อยจำไว้นะ ตราบใดที่เราไม่ท้อ เราจะไม่มีวันหมดโอกาส ไม่มีวัน”...

ฝ่ายเผ่าลาภตัดสินใจทำตามคำแนะนำของหรั่ง โดยแจ้งแพรวาว่าจะบรรจุเธอเป็นพนักงานของบริษัทเต็มตัว และจะหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้รับผิดชอบ เธอจะได้โตเป็นผู้ใหญ่เสียที แพรวาถึงกับพูดอะไรไม่ออก...

ทางด้านแสงเทพยื่นข้อเสนอให้ตะวันฉายมาร่วมทำธุรกิจใต้ดินด้วยกัน โดยจะให้เขาหาสถานที่ไว้เป็นจุดพักสินค้า และเป็นตัวกลางคอยส่งสินค้าให้ มีค่าตอบแทน 20% ของมูลค่าสินค้าที่ส่ง

“งานไม่ยาก ทุกอย่างน่าจะราบรื่นดี ถ้าอาจะระวังไม่ให้เรื่องนี้รู้ถึงหูคุณพ่อ”

“แต่อาว่าถึงพ่อของหลานชายรู้ เขาก็คงทำเป็นไม่เห็นมากกว่า ตกลงจะทำกับอาไหม”

เรื่องสกปรกแบบนี้เข้าทางตะวันฉายอยู่แล้ว

ooooooo

ระหว่างที่ตะวันฉายตัดสินใจก้าวเข้าสู่ธุรกิจมืดอย่างเต็มตัว หรั่ง เท่ห์ โบกับเช็งและก้อยขับรถมาถึงชายทะเล หรั่งจูงมือก้อยเดินลงไปที่หาดทราย โดยที่เท่ห์ โบ้และเช็งวิ่งแข่งกันลงทะเลไปเรียบร้อย ก้อยมีสีหน้าสดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เสียงลมพัดเสียงคลื่นซัดฝั่ง ทำให้เธอตื่นเต้นมาก เพราะเกิดมาเพิ่งเคยมาทะเลครั้งแรก

“อย่ายืนตื่นเต้นอยู่กับที่สิก้อย จะให้สนุกนะเราต้องวิ่งลงทะเลเลยรู้หรือเปล่า”

“ก้อยจะวิ่งได้ยังไงล่ะหรั่ง”

“ได้สิ ก้อยไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นเลย ไปเร็วก้อย...ข้างหน้าไม่มีอะไรขวางเราเลย ตรงไปเหยียบน้ำทะเลให้สมใจเลยก้อย” หรั่งค่อยๆดันก้อยไปข้างหน้า เธอก้าวขาช้าก่อนจะเร็วขึ้นทีละนิดๆ ในที่สุดเธอวิ่งไปถึงทะเลโดยมีหรั่งคอยวิ่งตามตลอด ส่งเสียงเป็นกำลังใจให้ ก้อยเล่นน้ำกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนานและมีความสุข...

หลังจากเล่นน้ำกันจนหมดเรี่ยวแรง หรั่งกับก้อย เท่ห์กับโบ้และเช็งมานอนเหยียดยาวอยู่บนชายหาด ดูพระอาทิตย์กำลังจะตกทะเล หรั่งบรรยายภาพตรงหน้าให้ก้อยฟังว่าท้องฟ้าเป็นสีแดงไปหมด เหมือนสีแก้มของเธอเวลาเขินอาย อีกไม่นานพอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ทุกอย่างบนโลกนี้ก็จะมืดสนิท

“ก้อยนึกออกว่าความมืดมิดเป็นอย่างไร” คำพูดของก้อยทำให้เพื่อนๆหันมองด้วยความเป็นห่วง “ก้อยไม่เสียใจแล้วล่ะที่ก้อยมองไม่เห็น เพราะก้อยได้ดวงตาของหรั่งและของพวกเราทุกคนมาแทนแล้ว รวมแล้วเท่ากับก้อยมีตั้งแปดตาแน่ะ...ก้อยอยากดูพระจันทร์ที่นี่จัง จะสวยกว่าที่บ้านเราไหมหรั่ง”

“ก็คงสวยไม่แพ้กัน แต่ก้อยรู้ไหม ถ้าเราดูดีๆมันจะมีสองดวง” หรั่งนึกไปถึงอดีตเมื่อ 20 ปีก่อน ครั้งนั้นมีเด็กชายคนหนึ่งห้อยล็อกเกตรูปไวโอลินสีเงินที่คอ หลอกเพื่อนๆในกลุ่ม ถ้าใครอยากเห็นพระจันทร์สองดวง ให้เอาทอฟฟี่มาให้ตนคนละสองเม็ด เพื่อนๆอยากดูจึงยอมทำตาม เด็กชายคนนั้นพาไปดูเงาสะท้อนของพระจันทร์ในน้ำ แล้วเหมาว่ามีสอง ดวง เด็กคนอื่นๆด่าเขาลั่นว่าขี้โกง แล้ววิ่งไล่แย่งทอฟฟี่คืน...

ในขณะเดียวกัน ตะวันฉายพอใจมากเมื่อเห็นทำเลที่ตั้งปั๊มน้ำมันของบารมี ปั้นเรื่องว่ามีนายทุนที่สนิทกันคนหนึ่งสนใจกิจการเจ๊งๆอย่างนี้ แล้วขอให้บารมียกปั๊มน้ำมันแห่งนี้ให้เขาแทนการใช้หนี้ บารมีไม่ขัดข้อง

“อีกเรื่องหนึ่งนะน้า นายทุนเขายังขาดพนักงานคุมคนงานส่งของนิดหน่อย น้าสนใจจะร่วมงานกันไหม”

“ฮ่าๆๆๆ โชคดียิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่อีก ที่น้าได้รู้จักกับหลานอย่างตะวันฉาย” บารมีหัวเราะร่วน...

บารมีเก็บความดีใจไว้คนเดียวไม่ไหว พอกลับถึงคอนโดฯ ที่พักตะโกนเรียกกันทิมามาร่วมดีใจด้วย พร้อมกับเอาเงินที่ได้จากตะวันฉายมาโปรยทั่วห้อง เธอแปลกใจ ไปได้เงินมาจากไหนมากมาย เขาไม่ยอมบอก ขอให้รู้แค่ว่าไม่ได้ไปปล้นใครมา ต่อไปนี้เธออยากได้อะไรเขาจะหามาให้ทุกอย่างแล้วดึงกันทิมามากอด ขอร้องอย่าไปทำงานที่ไหน เขามีงานที่มั่นคงพอจะเลี้ยงดูให้เธอสุขสบายไปทั้งชีวิตแล้ว...

ขณะที่บารมีคิดว่าเทพีแห่งโชคเข้าข้างตัวเอง เผ่าลาภปรึกษากับรำไพว่าถ้าการประชุมบริษัทในวันจันทร์นี้ เขาจะแต่งตั้งแพรวาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปของ M.S.JEWELRY จะมีปัญหาอะไรไหม รำไพเกรงว่าน้องๆ ของเผ่าลาภต้องคิดว่าเขาตั้งใจปูทางให้ลูกสาวตัวเองขึ้นมาเป็นใหญ่แทนที่เขา

“ก็จริงนี่ ผมไม่เถียง”

รำไพแนะนำว่าเพื่อหลีกเลี่ยงความแตกแยกในหมู่พี่น้องและเพื่อความเที่ยงธรรม เผ่าลาภควรจะให้ตำแหน่งกฤษฎาด้วย อย่างน้อยเขาก็เป็นหลานชายคนโตของตระกูล อาจทำให้อรทัยพอใจขึ้นมาบ้าง...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน สุชาติมาอ้อนวอนขอร้องอรทัยถึงที่บ้านให้โอกาสเขาอีกครั้ง อ้างว่าที่ทำไปทั้งหมดเพราะมีภาระต้องเลี้ยงดูคนในครอบครัวหลายคน ถ้าเธอยอมช่วยเหลือ เขาจะขอเป็นทาสเธอไปตลอดชีวิต อรทัยไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เพราะยังโกรธไม่หายที่หลง ไว้วางใจเขา

ooooooo

ณ ห้องประชุมใหญ่ของบริษัท M.S.Group. เผ่าลาภกำชับให้ผู้บริหารระดับสูงทุกคนช่วยกันสอดส่องดูแลอย่าให้มีการทุจริตเกิดขึ้นในบริษัทเป็นอันขาด แม้จะเป็นการทุจริตเพียงเล็กน้อยแต่อาจจะบ่มเพาะจนนำไปสู่การสูญเสียผลประโยชน์มหาศาลได้ แล้วปรายตามองไปที่อรทัยเป็นเชิงตำหนิ กฤษฎายกมือขอพูด

“ที่มันมีการทุจริตเกิดขึ้นเพราะเรามีคนนอกเข้ามาปะปนในบริษัทหรือเปล่า”

เผ่าลาภรู้ดีว่าหลานชายหมายถึงหรั่ง รีบยกมือห้าม “พอแล้วนายต้น...ในฐานะที่นายเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูล แทนที่นายจะมานั่งเขม่นคนอื่นๆเขา นายควรจะเข้ามามีหน้าที่รับผิดชอบให้เป็นเรื่องราวได้แล้ว ฉันขอตั้งให้นายเป็นผู้ช่วยผู้จัดการโรงเจียระไน ประจำอยู่ที่เหมือง ขึ้นตรงกับทนงศักดิ์พ่อของนาย รับผิดชอบคุมพลอยในสต็อกทั้งหมดและอื่นๆที่ฉันเห็นสมควร...อีกคนหนึ่งคือแพรวา ฉันจะให้แพรวามีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยของอรทัย ภาระหน้าที่และความรับผิดชอบกำหนดโดยเธอเองนะอาฮุ้ง”

อรทัยดูจะไม่พอใจขึ้นมาทันที “แต่ฉันไม่คิดว่าฉันต้องมีผู้ช่วยนะเฮีย มันทำงานไม่คล่องตัว ไหนจะต้องทำงานของตัวเองไหนจะต้องคอยหางานให้หลานทำ โอ๊ยตอนฝึกงานก็ยุ่งทีหนึ่งแล้ว ซ้ำซ้อนกันเปล่าๆ”

เผ่าลาภแนะให้อรทัยทำด้านนโยบายเป็นหลัก ส่วนงานด้านประชาสัมพันธ์ซึ่งพักหลังมานี่ดูอ่อนไปมากก็ให้หลานไปทำ และอย่าลืมว่าการทุจริตที่เราเพิ่งจับได้ก็เพราะความเผอเรอของเธอเหมือนกัน อรทัยตีรวนเสนอให้เอากฤษฎามาทำหน้าที่ผู้ช่วยของเธอ แล้วส่งแพรวาไปอยู่ที่เหมืองแทน

“ก็เจ้าต้นมันเป็นผู้ชายแพรวาเป็นผู้หญิง ถ้าเธอคิดว่าผู้หญิงควรไปทำงานเหมือง ฉันจะให้ทนงศักดิ์มาทำแทนเธอ แล้วส่งเธอไปคุมเหมืองบ้างเอาไหม...เราอย่ามาทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้เลยอาฮุ้ง ฉันขอยืนยันคำสั่งเดิม...ใครมีอะไรอีกไหม” เผ่าลาภกวาดไปรอบๆอย่างรอคำตอบ อรทัยอยากได้ผู้ช่วยให้ลูกชายหนึ่งคน อ้างว่าแกไปอยู่ไกลหูไกลตาเป็นห่วงความปลอดภัย แต่ไม่ได้บอกว่าผู้ช่วยที่เธอวางตัวไว้แล้วคือ สุชาติหัวหน้าฝ่ายขายภายในประเทศที่ยักยอกเงินบริษัทนั่นเอง...

ที่ห้องทำงานใหม่ของผู้ช่วยผู้จัดการบริษัท ขณะที่แพรวากำลังบอกกับหรั่งว่าพ่อของเธอย้ายโต๊ะทำงานของเขามาตั้งที่หน้าห้องนี้ด้วย เผ่าลาภเข้ามาพร้อมกับนายสยาม เห็นลูกยังไม่ได้รับมอบหมายงานอะไรจากอรทัย รีบตัดหน้าชวนเธอไปทำธุระด้วยกันก่อน แล้วสั่งให้หรั่งช่วยขับรถให้

“นายสยามอยู่รออรทัยที่นี่ บอกเธอว่าฉันขอยืมตัวผู้ช่วยของเธอหน่อย เย็นๆจะเอามาส่ง”...

ระหว่างเดินทาง แพรวาต่อว่าพ่อน่าจะบอกกันก่อนว่าเอาของฝากไปให้สุริยะที่บ้าน เผ่าลาภไม่รู้ว่าลูกมีอะไรกับเขา แต่ถ้าลำบากใจจะเข้าไปด้วยกันจะนั่งรอในรถก็ได้ แพรวาตัดพ้อเดี๋ยวนี้พ่อดูมีลับลมคมในชอบกล เขายืนยันว่ายังเหมือนเดิมไม่มีลับลมคมในอะไร มีแต่ทำงานเลี้ยงดูครอบครัวและเฝ้าดู ด.ญ.แพรวา เจริญเติบโต

“หนูไม่ใช่เด็กหญิงแล้วนะคะคุณป๋า”

“ถูกต้อง หนูโตขึ้นมากแล้ว ห้องทำงานของหนูก็ใหญ่โตขึ้นด้วย แต่ถ้าไม่มีหนูอยู่ในห้องนั้น หรือหนูจะอยู่แบบเอาแต่นั่งพูดคุยโทรศัพท์กับเพื่อนฝูงไปวันๆ ห้อง นั้นมันก็จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย...แต่นี้ต่อไปตื่นแต่เช้าอาบน้ำให้เร็วแล้วไม่ต้องแกล้งป่วยอีกนะจ๊ะ นางสาวแพรวา” เผาลาภพูดจบหันไปทางหรั่งซึ่งกำลังขับรถ

“นายหรั่ง ฉันต้องขอบใจนายมากและอยากให้นายทำหน้าที่เหมือนเดิม ติดตามลูกแพรทุกฝีก้าว ช่วยประคับประคองช่วยเธอตัดสินใจในสิ่งที่เธอไม่ชำนาญ ฉันไม่มีตำแหน่งให้นายแต่นายจะขึ้นตรงต่อฉันมีอะไรก็ให้รายงานฉันทันที...อ้อ มีโทรศัพท์มือถือกับโน้ตบุ๊กวางอยู่ที่เบาะข้างหน้า นายเอาไปใช้ซะ ฉันให้เป็นอุปกรณ์ประจำตำแหน่งของนายจะได้ตามตัวง่ายๆ เอาบิลมาเบิกเงินกับนายสยาม...ไอ้บัตรเติมเงินน่ะเลิกใช้ได้แล้วนะ”

อ่านละคร สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ตอนที่ 5 วันที่ 27 ก.ย. 56

สุภาพบุรุษลูกผู้ชายบทประพันธ์โดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย บทโทรทัศน์โดย เมจิก อีฟ
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายกำกับการแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายผลิตโดย บริษัท คลิกเทเลวิชั่น จำกัด
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายแนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายวันเวลาออกอากาศ ทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น.
ติดตามชมละครเรื่องสุภาพบุรุษลูกผู้ชายได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ