อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 10-11 วันที่ 3 ก.ย. 56

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 10

ขบวนของพระชายาในองค์อาหเม็ดเดินทางมาถึงวังหลวงในบ่ายวันเดียวกัน โดยมีนายพลมุสกัตเจ้าหญิงฟารีดาพระชายาขององค์โอมาน รวมทั้งเจ้าหญิงสุไบดา และเหล่าทหารชั้นผู้ใหญ่มารอรับเสด็จพระชายาเป็นฝ่ายเข้าไปทักทายและขอบใจนายพลมุสกัต ถ้าไม่ได้เขาคงจะไม่มีวันนี้

“คนสำคัญที่สุดมิใช่ข้าพระองค์ แต่เป็นท่านราชองครักษ์นายแพทย์ชารีฟพระเจ้าข้า”


“คนนั้นต้องยกไว้ แต่ถ้าพูดในวงกว้างคือท่าน...เดี๋ยวเราจะไปเฝ้าองค์อาหเม็ด”

“พระองค์เสด็จโรงพยาบาลพระเจ้าข้า”

มิเชลล์หันขวับมามอง เห็นพระชายาถามบางอย่างกับนายพลมุสกัต เธอพยายามเงี่ยหูฟัง แต่เสียงเบามากได้ยินไม่ถนัด มั่นว่าเรื่องที่คุยกันต้องไม่พ้นเรื่องชารีฟ ขยับจะเข้าไปหา นายพลมุสกัตหันมาเห็น รีบคำนับพระชายาแล้วผละจากไป มิเชลล์มองตามสีหน้าเป็นกังวล จากนั้น พระชายาเข้าไปทักทายและแสดงความ

เสียใจกับเจ้าหญิงฟารีดาที่ยืนหน้าตาหม่นหมอง เจ้าหญิงสุไบดาซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆเหลือบมองมิเชลล์อึดใจหนึ่งก่อนจะหันมาตัดพ้อพระชายาที่ไม่ทักทายตนบ้าง

“ก็หม่อมฉันเห็นเจ้าพี่ฟารีดาพระพักตร์เศร้านัก สบายดีหรือเพคะเจ้าน้าสุไบดา”

“ลูกชายเจ็บแทบตายจะหาความสบายมาจากไหน” เจ้าหญิงสุไบดาพูดจบ ปรายตามองมิเชลล์อีกครั้งคนถูกจ้องขยับตัวอย่างไม่สบายใจนักกับสายตาสำรวจตรวจตราของพระองค์...

ฝ่ายมิเชลล์ร้อนใจอยากรู้ข่าวคราวของชารีฟ มาซุ่มรออยู่ตรงจุดที่นายพลมุสกัตจะเดินผ่าน พอได้ยินเสียงเขาคุยกับทหารคุ้มกันแว่วเข้ามา เธอถลาออกมาดักหน้าไว้ ท่านนายพลโบกมือให้ทหารคุ้มกันหลบไปก่อน

“บอกดิฉันเถิดท่านนายพลมุสกัต ดิฉันฟังได้ทุกอย่างไม่ว่าชารีฟจะเจ็บหนักหรือสิ้นชีวิตไปแล้ว...เขาอยู่ที่ไหน ทำไมดิฉันจึงไม่ได้พบเขาเสียที ดิฉันรับรู้ได้ทุกอย่าง องค์อาหเม็ดเสด็จโรงพยาบาลทำไม เขาตายแล้วใช่ไหมท่านนายพล องค์โอมานฆ่าเขาใช่ไหม” มิเชลล์ถามเป็นชุด นายพลมุสกัตยังไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไร เธอชิงพูดตัดหน้าเสียก่อนว่าถ้าชารีฟแค่บาดเจ็บ ทำไมทุกคนถึงมีท่าทีแปลกๆ

“ท่านราชองครักษ์บาดเจ็บจากการต่อสู้กับองค์โอมาน โรงพยาบาลและคณะแพทย์กำลังรักษาท่านจนสุดความสามารถ อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว” นายพลมุสกัตมองมิเชลล์ด้วยความเห็นใจ...

แม้จะใจชื้นที่รู้ว่าชารีฟปลอดภัย แต่มิเชลล์ยังเป็นกังวลว่าการที่ตัวเองเป็นคนต่างชาติต้องสร้างอุปสรรคให้กับความรักของเราสองคนแน่นอน ยิ่งคิดถึงสายตาของเจ้าหญิงสุไบดาที่จ้องมองตนเองแล้วยิ่งไม่สบายใจ

“ชารีฟ ฉันคิดถึงท่าน อยากไปหาท่านเหลือเกิน” มิเชลล์พึมพำน้ำตาคลอ

ooooooo

ในขณะเดียวกัน องค์อาหเม็ดซักถามหมอเจ้าของ ไข้ว่าอาการของชารีฟเป็นอย่างไรบ้าง หมอรายงานว่าบาดแผลที่หน้าอกกับที่ซอกคอค่อนข้างฉกรรจ์ อีกนิดเดียวก็จะถึงเส้นเลือดใหญ่ที่เข้าหัวใจ ผู้ป่วยเสียเลือดมากจึงต้องให้เลือด องค์อาหเม็ดขู่ แกมหยอกว่าจะต้องรักษาชารีฟให้หาย ถ้าไม่หายหมออาจจะเจ็บตัวเสียเอง

“พระเจ้าข้า ข้าพระองค์และหมอทั้งโรงพยาบาลรับสนองพระบรมราชโองการพระเจ้าข้า”

“ขอบอกให้รู้ทั่วกันว่าพันเอกชารีฟน้องชายของเราคนนี้ จะได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษ เราไม่สามารถได้ บัลลังก์คืนถ้าไม่มีสองแขนและเลือดเนื้อของเขาค้ำจุนอยู่” องค์อาหเม็ดมองไปยังชารีฟที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเป็นกังวล แล้วเข้าไปกระซิบเรียก ชารีฟขยับเปลือกตาเหมือนจะได้ยิน ทำให้พระองค์คลายความกังวลลงเล็กน้อย ก่อนจะหันไปถามหมอว่าคนป่วยรู้ตัวไหม หมอเองก็ไม่แน่ใจ ถ้ารู้ตัวก็คงจะรางเลือนเต็มที ตอนนี้ถือว่าคนป่วยพ้นขีดอันตรายแล้ว

“ก็ยังดี...คราวนี้เราไม่พูดเล่น ถ้าเขาไม่หาย หมอต้องเจ็บด้วย” องค์อาหเม็ดเสียงเข้ม สีหน้าไม่ยิ้มแย้มเหมือนเมื่อครู่ ทำเอาพวกหมอเสียวสันหลังตามๆกัน...

ทันทีที่กลับจากโรงพยาบาล องค์อาหเม็ดตรง ไปหาพระชายาที่ตำหนักใน เล่าอาการของชารีฟให้ฟังว่าเจ็บหนักมากแต่พ้นขีดอันตรายแล้ว เหลือแค่ขั้นตอน การรักษา พระชายาโล่งใจที่เขาปลอดภัย องค์อาหเม็ดเองก็สบายใจขึ้น แต่ยังเป็นกังวลเรื่องความรักของชารีฟกับมิเชลล์ อาจถูกเจ้าหญิงสุไบดาขัดขวาง

“ทรงทราบได้อย่างไรว่าเจ้าน้าสุไบดาจะขัดขวางเรื่องนี้”

“หนึ่ง เพราะรู้จักเจ้าน้าดีว่าทรงเคร่งครัดเรื่องประเพณี เหลือเกิน เจ้าน้ายอมหักไม่ยอมงอทุกครั้ง ได้ยินคนเล่าว่า มีเรื่องกับโอมาน...โอมานยังต้องแพ้”
พระชายาขอเหตุผลข้อที่สอง องค์อาหเม็ดไม่มีให้ แต่สรุปสั้นๆว่าถ้าอยากจะช่วยเหลือคู่รักคู่นั้นองค์ชายาคงต้องออกแรงเหนื่อยหน่อย แต่ยังมีเวลาให้คิดวางแผนอีกหลายวันกว่าชารีฟจะหาย แล้วขยับจะไป มิเชลล์พรวดพราดเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวอาญา เพราะร้อนใจอยากรู้อาการของชารีฟ

“ขอพระราชทานอภัยที่หม่อมฉันเข้ามาไม่ขอ พระราชทานอนุญาต แต่ว่า...”

“ยินดีที่ได้พบมาดมัวแซลล์เดอลาโรนีส์” องค์อาหเม็ดตรัสเสร็จ ผลุนผลันออกไปทันที มิเชลล์มองตามน้ำตาคลอเบ้า พระชายาสงสารและเห็นใจเธอมาก จูงมือมานั่งใกล้ๆพลางปลอบใจ

“ผู้หญิงที่จะเป็นเมียชารีฟ คุณสมบัติสำคัญอย่างหนึ่งคือ ต้องเข้มแข็งมากกว่าผู้หญิงธรรมดา”

ooooooo

องค์อาหเม็ดคอยถามข่าวคราวของชารีฟอยู่ตลอด พอรู้ว่าอาการดีขึ้นพูดคุยได้แล้วจึงแวะไปเยี่ยมอีกครั้งหนึ่ง เห็นเขามีสีหน้าแจ่มใสแต่ยังดูอิดโรย ถามด้วยความเป็นห่วงว่าหายเจ็บหรือยัง

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้า พอบรรเทาแล้วพระเจ้าข้า”

พระองค์วางมือบนไหล่ชารีฟ “ขอบใจมากชารีฟ แผลใหญ่นะ ก็มีดวงเดือนนี่ใครมือไม่ถึงก็ไม่ต้องคิดอะไร จัดพิธีศพได้ โดยเฉพาะดวลกับโอมาน”

ชารีฟถ่อมตัวว่าเป็นเพราะพระปรีชาของพระองค์ต่างหากที่สั่งให้เขาฝึกฝนใช้มีดนั่น องค์อาหเม็ดสั่งให้เขาเล่าเหตุการณ์ตอนที่ต่อสู้กับองค์โอมานให้ฟังว่าทำไมถึงกลายเป็นสู้กันด้วยมีดไม่ใช่ถูกฆ่าบนเตียงผ่าตัด ชารีฟเล่าว่าองค์โอมานรู้แผนการของเราแล้ว เขาสงสัยตั้งแต่วันที่ส่งวิทยุเพราะรหัสลับไม่ถูกต้อง แต่ก็ตัดสินใจเข้าไปพบเพราะเดาว่าคนอย่างองค์โอมานมีศักดิ์ศรีพอตัว คง ไม่ถือโอกาสฆ่าคนที่เหมือนลูกไก่ในกำมือ

“ข้อนี้ต้องยกย่องโอมาน คงท้าดวลมีดวงเดือนและเจ้ารับคำท้าทั้งๆที่รู้ว่านั่นคือความตายเท่านั้น”

“ข้าพระองค์คิดถึงฮิลฟารา คิดถึงประชาชน คิดถึงองค์อาหเม็ด ตั้งใจไว้ว่าจะใช้สติทุกลมหายใจ ตอนนั้นข้าพระองค์ใกล้หมดสติ องค์โอมานฟาดดาบลงมาเต็มแรง ข้าพระองค์นั่งลงดาบพลาดไม่ถูก จึงแทงสวนขึ้นไป”

องค์อาหเม็ดซาบซึ้งใจมาก ตบหัวชารีฟเบาๆขอบใจเขาอีกครั้งที่ช่วยค้ำจุนราชบัลลังก์ไว้ และกำชับให้รักษาตัวให้หายเร็วๆ พระองค์จะจัดพิธีฉลองปูนบำเหน็จความดีความชอบให้ ชารีฟอยากจะถามเรื่องมิเชลล์แต่ไม่กล้า พระองค์เหมือนจะอ่านใจเขาออก บอกว่าพวกฝ่ายในกลับจากโอเอซิสหมดแล้ว สายตาของชารีฟบ่งบอกว่าอยากเจอหญิงคนรักเหลือเกิน

“เห็นใจ...เห็นใจมาก แต่ยังให้มาพบไม่ได้รอก่อน” องค์อาหเม็ดตบไหล่ชารีฟเบาๆก่อนจะออกจากห้องเจอนายพลมุสกัตคอยส่งเสด็จอยู่หน้าห้อง กระซิบให้เข้าไปช่วยปลอบใจชารีฟที่คิดถึงมิเชลล์ใจจะขาดอยู่แล้ว เขายิ้มขำ คำนับพระองค์แล้วเปิดประตูห้องพักฟื้นเข้าไป องค์อาหเม็ดพลอยยิ้มไปด้วย

ooooooo

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 11

องค์อาหเม็ดเจอเจ้าหญิงสุไบดาที่หน้าลิฟต์ของโรงพยาบาล จึงบอกข่าวดีให้ทราบว่าชารีฟจวนหายแล้ว พระองค์กำลังสั่งให้เตรียมพิธีเลื่อนยศและแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีกับถวายพระพร เป็นงานเดียวกัน เจ้าน้าคงเดาออกว่าชารีฟจะต้องทำงานหนักอีกมาก

“ชารีฟมีหน้าที่ถวายงานให้กับราชบัลลังก์อยู่แล้ว”

“เขา ทำยิ่งกว่าถวายงานให้ราชบัลลังก์ ชารีฟยอมตายเพื่อราชบัลลังก์ ต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรที่เป็นความสุขของชารีฟหลานจะทำทุกอย่าง ไม่ว่าเรื่องนั้นจะยิ่งใหญ่สักแค่ไหน ขอบพระทัยมากที่มีน้องชายคนนี้ให้หลาน”

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 10-11 วันที่ 3 ก.ย. 56

ละครฟ้าจรดทราย ประพันธ์โดย โสภาค สุวรรณ
ละครฟ้าจรดทราย บทโทรทัศน์โดย ศัลยา สุขะนิวัตต์
ละครฟ้าจรดทราย กำกับการแสดงโดย สยาม สังวริบุตร
ละครฟ้าจรดทราย ผลิตโดย ค่าย ดาราวิดีโอ
ละครฟ้าจรดทราย ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
ละครฟ้าจรดทราย เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2556
ที่มา ไทยรัฐ